การแก้สมการ คือ การหาคำตอบของสมการ หรือการหาค่าของตัวแปรซึ่งทำให้สมการนั้นเป็นจริง
คำสั่งที่ใช้ในการแก้สมการ นิยมใช้คำสั่งดังนี้
จงแก้สมการ 5x + 2 = 17
จงหาคำตอบของสมการ 5x + 2 = 17
จงหาค่าของ x ที่ทำให้สมการ 5x + 2 = 17 เป็นจริง
จากสมการ 5x + 2 = 17 จงหาค่าของตัวแปร
คำสั่งที่ใช้ในการแก้สมการ นิยมใช้คำสั่งดังนี้
จงแก้สมการ 5x + 2 = 17
จงหาคำตอบของสมการ 5x + 2 = 17
จงหาค่าของ x ที่ทำให้สมการ 5x + 2 = 17 เป็นจริง
จากสมการ 5x + 2 = 17 จงหาค่าของตัวแปร
การแก้สมการทำได้ 2 วิธีดังนี้
1.การแทนค่าตัวแปร
2.การใช้คุณสมบัติของการเท่ากัน
1.การแทนค่าตัวแปร
2.การใช้คุณสมบัติของการเท่ากัน
การแทนค่าตัวแปร
โดยการทดลองแทนค่าของตัวแปรในสมการ ถ้านำจำนวนใดมาแทนค่าของตัวแปรในสมการนั้น แล้วทำให้สมการนั้นเป็นจริง แสดงว่าจำนวนนั้นเป็นคำตอบของสมการ และถ้านำจำนวนใดมาแทนค่าของตัวแปรในสมการนั้น แล้วทำให้สมการเป็นเท็จ แสดงว่าจำนวนนั้นไม่เป็นคำตอบของสมการ ดังตัวอย่าง
1. สมการ y + 6 = 21 แทน y ด้วย 15
จะได้ 15 + 6 = 21 สมการเป็นจริง
ดังนั้น คำตอบของสมการ คือ 15
จะได้ 15 + 6 = 21 สมการเป็นจริง
ดังนั้น คำตอบของสมการ คือ 15
2.สมการ 5x + 2 = 17 แทน x ด้วย 3
จะได้ ( 5 x 3 ) + 2 = 17
15 + 2 = 17 สมการเป็นจริง
ดังนั้น คำตอบของสมการ คือ 3
จะได้ ( 5 x 3 ) + 2 = 17
15 + 2 = 17 สมการเป็นจริง
ดังนั้น คำตอบของสมการ คือ 3
ถ้าสมการนั้น ๆ สลับซับซ้อน เราจึงใช้คุณสมบัติของการเท่ากันในการหาคำตอบ
คุณสมบัติของการเท่ากัน
การเท่ากัน หมายถึง ค่าหรือปริมาณของจำนวนที่เท่ากัน เช่น
5 + 1 = 6 เป็นจริง (ได้ 6 = 6)
(2 + 6) + 7 = 15 เป็นจริง (ได้ 15 = 15)
5 + 1 = 6 เป็นจริง (ได้ 6 = 6)
(2 + 6) + 7 = 15 เป็นจริง (ได้ 15 = 15)
คุณสมบัติของการเท่ากัน แยกเป็นคุณสมบัติความเท่ากันในเรื่องการบวก การลบ การคูณ และการหาร
คุณสมบัติการบวก
เมื่อมีจำนวนสองจำนวนเท่ากัน นำจำนวนหนึ่งมาบวกแต่ละจำนวนที่เท่ากัน ผลบวกที่ได้จะเท่ากัน
เช่น a = b ดังนั้น a + 3 = b + 3
10 = 6 + 4 ดังนั้น 10 + 5 = ( 6 + 4 ) + 5
จะได้ 15 = 15
เช่น a = b ดังนั้น a + 3 = b + 3
10 = 6 + 4 ดังนั้น 10 + 5 = ( 6 + 4 ) + 5
จะได้ 15 = 15
คุณสมบัติการลบ
เมื่อมีจำนวนสองจำนวนเท่ากัน นำจำนวนหนึ่งมาลบแต่ละจำนวนที่เท่ากัน ผลลบที่ได้จะเท่ากัน
เช่น a = b ดังนั้น a - 4 = b - 4
9 = 7 + 2 ดังนั้น 9 - 4 = ( 7 + 2 ) - 4
จะได้ 5 = 5
เช่น a = b ดังนั้น a - 4 = b - 4
9 = 7 + 2 ดังนั้น 9 - 4 = ( 7 + 2 ) - 4
จะได้ 5 = 5
Stainless Steel Knots - Titanium Jewel Arts
ตอบลบA titanium ring, in many forms, has a similar shape and shape as the gemstone. The blade titanium alloys angle of the stainless steel titanium damascus knives knuckles black titanium provides titanium wood stove the graphite titanium babyliss pro